คุณสมบัติและข้อดี-ข้อเสียของไม้ในงาน Built-in
งานประเภท Built-in นั้นได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายเนื่องจากความต้องการของคนในการใช้งานพื้นที่ภายในแต่ละห้องนั้นแตกต่างกันในบางครั้งการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวอาจไม่ตอบโจทย์ลักษณะการใช้งานที่ต้องการหรือข้อจำกัดในด้านของพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแคบความลาดเอียงของพื้นและผนังที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้งาน Built-in นั้นตอบโจทย์ในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นอย่างมากในบทความนี้ Too Architects จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของแผ่นไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงาน Built-in ซึ่งแต่ละชนิดนั้นมีข้อดีข้อเสีย คุณสมบัติ และประเภทการใช้งานที่แตกต่างกัน ให้เป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจในงานBuilt-in และเป็นความรู้สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาไว้ในบ้านของท่าน
ไม้ปาร์ติเกิ้ล หรือในบางประเทศเรียกว่าชิปบอร์ด (Chipboard) มีกระบวณการผลิตโดยการนำเศษชิ้นไม้และขี้เลื่อยมาประสานกันโดยสารเคมี และนำมาทำการบดอัดด้วยความดันสูงผสมด้วยกาว เนื้อไม้จะเหนียวแต่ไม่แน่นมีความเหนียวที่ได้จากเส้นใยที่ประสานกัน แต่เนื้อไม้ก็จะฟู หยาบ ไม่แน่นในเนื้อไม้จะมีโพรงอากาศเล็กๆ เป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปจะมีความหนาอยู่ที่ 15 และ 20 มม. เท่านั้น
ไม้ MDFผลิตโดยการนำชิ้นไม้มาแปรรูปอย่างละเอียดผสมกับกาวชนิดพิเศษแล้วผ่านกระบวนการอัดเป็นแผ่นด้วยเครื่องอัดคุณภาพสูง ไม้ที่นิยมนำมาใช้นั้นคือไม้ยูคาลิปตัสและไม้ยางพารา ผิวไม้ที่ได้จะมีความเรียบเนียน เนื้อแน่นไม่มีรูพรุนนิยมปิดผิวด้วยแผ่นวีเนียร์ แผ่นลามิเนต หรือเมลามีน โดยขนาดมาตรฐานของ แผ่นไม้ MDF ที่ขายกันตามท้องตลาดอยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (4 x 8 ฟุต) ต่อแผ่น ส่วนความหนาที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร ถึง 25มิลลิเมตร ขึ้นอยู่ว่าจะนำไปใช้ประกอบหรือ รับน้ำหนักส่วนไหนของเฟอร์นิเจอร์
ไม้ HMRผลิตโดยการนำชิ้นไม้มาแปรรูปอย่างละเอียดแล้วอัดประสานด้วยกาวชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติทนความชื้นทำให้สามารถใช้งานในบริเวณที่มีความชื้นสูงได้ดีไม้มีสีเขียวเนื่องจากผสมสีเขียวไว้ในเนื้อไม้เพื่อให้แยกออกจากไม้ MDF และไม้ HDF ได้ง่าย นิยมนำไป CNC ทำสีหรือปิดผิวด้วยแผ่นวีเนียร์ แผ่นลามิเนต หรือเมลามีน โดยขนาดมาตรฐานของ แผ่นไม้ HMR ที่ขายกันตามท้องตลาดอยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (4 x 8 ฟุต) ต่อแผ่น ส่วนความหนาที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร ถึง 25มิลลิเมตร ขึ้นอยู่ว่าจะนำไปใช้ประกอบหรือ รับน้ำหนักส่วนไหนของเฟอร์นิเจอร์
ไม้ HDFคือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นสูงผลิตโดยนำไม้มาแปรรูปอย่างละเอียดแล้วอัดประสานด้วยกาวชนิดพิเศษที่มีประสิทธิภาพในการทนความชื้นได้สูงและสำหรับไม้ HDF Super E0 ใช้กาวสูตรพิเศษที่ปลอดสารฟอมัลดีไฮด์ทำให้ไม่มีกลิ่นและปลอดภัยต่อการใช้งานไม้ HDF นั้นมีการเพิ่มชั้นไม้ทำให้ความหนาแน่นของไม้ HDF สูงกว่าไม้ MDF และไม้ HMR ส่งผลให้แผ่นบอร์ดเนื้อแน่นมีความแข็งแรงสูงเหมาะกับงานที่ต้องใช้รับแรงหรือทนการกระแทกได้
ไม้อัดเกิดจากการฝานไม้ให้ได้แผ่นบางๆแล้วนำมาอัดติดกันโดยใช้กาวเป็นตัวประสานโดยการประสานของไม้อัดนั้นจะจัดวางไม้บางแต่ละแผ่นให้แนวเสี้ยนขวางตั้งฉากกันเป็นการเพิ่มความแข็งแรงและลดการขยายตัวในระนาบแผ่นไม้ให้น้อยที่สุด
ไม้ OSBมีขั้นตอนการผลิตคือนำชิ้นไม้ที่แบนบางและยาววางสลับเสี้ยนขวางตั้งฉากกันอย่างน้อย 3ชั้นจากนั้นใช้กาวชนิดพิเศษและเรซินเป็นส่วนผสมผ่านกระบวนอัดด้วยความร้อน และแรงดันสูง
งานประเภท Built-in นั้นได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายเนื่องจากความต้องการของคนในการใช้งานพื้นที่ภายในแต่ละห้องนั้นแตกต่างกันในบางครั้งการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวอาจไม่ตอบโจทย์ลักษณะการใช้งานที่ต้องการหรือข้อจำกัดในด้านของพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแคบความลาดเอียงของพื้นและผนังที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้งาน Built-in นั้นตอบโจทย์ในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นอย่างมากในบทความนี้ Too Architects จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของแผ่นไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงาน Built-in ซึ่งแต่ละชนิดนั้นมีข้อดีข้อเสีย คุณสมบัติ และประเภทการใช้งานที่แตกต่างกัน ให้เป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจในงานBuilt-in และเป็นความรู้สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาไว้ในบ้านของท่าน
ไม้ปาร์ติเกิ้ล หรือในบางประเทศเรียกว่าชิปบอร์ด (Chipboard) มีกระบวณการผลิตโดยการนำเศษชิ้นไม้และขี้เลื่อยมาประสานกันโดยสารเคมี และนำมาทำการบดอัดด้วยความดันสูงผสมด้วยกาว เนื้อไม้จะเหนียวแต่ไม่แน่นมีความเหนียวที่ได้จากเส้นใยที่ประสานกัน แต่เนื้อไม้ก็จะฟู หยาบ ไม่แน่นในเนื้อไม้จะมีโพรงอากาศเล็กๆ เป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปจะมีความหนาอยู่ที่ 15 และ 20 มม. เท่านั้น
ไม้ MDFผลิตโดยการนำชิ้นไม้มาแปรรูปอย่างละเอียดผสมกับกาวชนิดพิเศษแล้วผ่านกระบวนการอัดเป็นแผ่นด้วยเครื่องอัดคุณภาพสูง ไม้ที่นิยมนำมาใช้นั้นคือไม้ยูคาลิปตัสและไม้ยางพารา ผิวไม้ที่ได้จะมีความเรียบเนียน เนื้อแน่นไม่มีรูพรุนนิยมปิดผิวด้วยแผ่นวีเนียร์ แผ่นลามิเนต หรือเมลามีน โดยขนาดมาตรฐานของ แผ่นไม้ MDF ที่ขายกันตามท้องตลาดอยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (4 x 8 ฟุต) ต่อแผ่น ส่วนความหนาที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร ถึง 25มิลลิเมตร ขึ้นอยู่ว่าจะนำไปใช้ประกอบหรือ รับน้ำหนักส่วนไหนของเฟอร์นิเจอร์
ไม้ HMRผลิตโดยการนำชิ้นไม้มาแปรรูปอย่างละเอียดแล้วอัดประสานด้วยกาวชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติทนความชื้นทำให้สามารถใช้งานในบริเวณที่มีความชื้นสูงได้ดีไม้มีสีเขียวเนื่องจากผสมสีเขียวไว้ในเนื้อไม้เพื่อให้แยกออกจากไม้ MDF และไม้ HDF ได้ง่าย นิยมนำไป CNC ทำสีหรือปิดผิวด้วยแผ่นวีเนียร์ แผ่นลามิเนต หรือเมลามีน โดยขนาดมาตรฐานของ แผ่นไม้ HMR ที่ขายกันตามท้องตลาดอยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (4 x 8 ฟุต) ต่อแผ่น ส่วนความหนาที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร ถึง 25มิลลิเมตร ขึ้นอยู่ว่าจะนำไปใช้ประกอบหรือ รับน้ำหนักส่วนไหนของเฟอร์นิเจอร์
ไม้ HDFคือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นสูงผลิตโดยนำไม้มาแปรรูปอย่างละเอียดแล้วอัดประสานด้วยกาวชนิดพิเศษที่มีประสิทธิภาพในการทนความชื้นได้สูงและสำหรับไม้ HDF Super E0 ใช้กาวสูตรพิเศษที่ปลอดสารฟอมัลดีไฮด์ทำให้ไม่มีกลิ่นและปลอดภัยต่อการใช้งานไม้ HDF นั้นมีการเพิ่มชั้นไม้ทำให้ความหนาแน่นของไม้ HDF สูงกว่าไม้ MDF และไม้ HMR ส่งผลให้แผ่นบอร์ดเนื้อแน่นมีความแข็งแรงสูงเหมาะกับงานที่ต้องใช้รับแรงหรือทนการกระแทกได้
ไม้อัดเกิดจากการฝานไม้ให้ได้แผ่นบางๆแล้วนำมาอัดติดกันโดยใช้กาวเป็นตัวประสานโดยการประสานของไม้อัดนั้นจะจัดวางไม้บางแต่ละแผ่นให้แนวเสี้ยนขวางตั้งฉากกันเป็นการเพิ่มความแข็งแรงและลดการขยายตัวในระนาบแผ่นไม้ให้น้อยที่สุด
ไม้ OSBมีขั้นตอนการผลิตคือนำชิ้นไม้ที่แบนบางและยาววางสลับเสี้ยนขวางตั้งฉากกันอย่างน้อย 3ชั้นจากนั้นใช้กาวชนิดพิเศษและเรซินเป็นส่วนผสมผ่านกระบวนอัดด้วยความร้อน และแรงดันสูง