กล้วยน้ำไทยไมโครเฮาส์ บ้านร้างอายุ 30 ปีที่ได้รับการรีโนเวทใหม่
Too Architects จะขอพาท่านผู้อ่านทุกท่านมาดูขั้นตอนการรีโนเวทบ้านเก่าชั้นเดียว อายุกว่า 30 ปี ที่เจ้าของนั้นมีความต้องการที่จะปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็น Cooking Studio สำหรับสอนทำอาหารและและมีพื้นที่สำหรับพักอาศัยอยู่บริเวณชั้นบน
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในย่านกล้วยน้ำไท ซึ่งเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นย่านที่มีการประกอบธุรกิจขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยราคาที่ดินต่อตารางวาที่สูงทำให้เรามักจะเห็นรูปแบบการใช้พื้นที่พักอาศัยผสมรวมกับพื้นที่ทำธุรกิจขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก และยังตอบโจทย์สำหรับวิถีชีวิตคนเมืองที่ “ที่พักอาศัย” และ “ที่ทำงาน” อยู่ในที่เดียวกันได้อย่างดี
ด้วยข้อจำกัดทางพื้นที่ของบ้านหลังนี้ที่มีขนาดเล็ก และความต้องการที่จะเพิ่มฟังก์ชั่นพื้นที่ครัวขนาดใหญ่เข้าไปในบ้านสำหรับทำเป็น Cooking Studio จึงเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายสำหรับทางทีมงานของเรา ทั้งนี้งานออกแบบและก่อสร้างอาคารที่เสร็จสมบูรณ์นั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าขาดการร่วมงานกันอย่างต่อเนื่องระหว่างทีมงานของเราและเจ้าของบ้านตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเราเชื่อในแนวคิดการทำงานที่ว่า “เจ้าของบ้าน” ไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็น “เพื่อนร่วมงาน” ที่เราจะสื่อสารและประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา
โจทย์ที่ทางเจ้าของบ้านให้มานั้นคือต้องการพื้นที่ครัวที่ใหญ่ ใช้งานได้ดีสำหรับการทำอาหารและขนม ไปจนถึงการสอนคนที่มาเข้าคอร์ส และพื้นที่พักอาศัยที่ขนาดไม่ต้องใหญ่มากให้เพียงเข้าพักอยู่ได้ แต่ด้วยขอบเขตของบ้านเดิมที่มีขนาดเพียง 5 เมตร x 10 เมตร ทำให้ทีมงานออกแบบต้องเพิ่มพื้นที่ชั้นลอยเข้าไปในบริเวณตัวบ้าน โดยแบ่งพื้นที่ครัวไว้ที่ชั้นล่าง และพื้นที่พักอาศัยไว้ที่ชั้นลอย ซึ่งการแบ่งแยกนี้ยังเป็นการเพิ่ม “Privacy” ของพื้นที่ไปในตัว
บ้านหลังนี้นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ที่มีบ้านหรืออาคารเก่าและต้องการจะรีโนเวทเพื่อจุดประสงค์ใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าเป็นสำหรับการพักอาศัยหรือการประกอบธุรกิจ เป็นเรื่องธรรมดาที่อาคารเก่านั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่ซับซ้อนและสภาพเดิมที่ต้องการการซ่อมแซมอย่างละเอียด แต่เพียงแค่การเข้าใจขั้นตอนต่างๆ ก่อนเริ่มงานรีโนเวท ตั้งแต่การศึกษาสภาพอาคารเดิม การออกแบบ ไปจนถึงการก่อสร้างที่ปลอดภัย ก็จะทำให้งานรีโนเวทไม่ยากอย่างที่คุณคิด
Too Architects จะขอนำทุกท่านไปดูขั้นตอนการรีโนเวทบ้านหลังนี้อย่างละเอียดในทุกๆ ขั้นตอน ทั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหมด 13 ขั้นตอน รวมถึงอธิบายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งในเรื่องการออกแบบ การก่อสร้าง งานระบบและการเลือกใช้วัสดุ ที่สามารถนำไปใช้กับอาคารเก่าของทุกท่านได้
ตัวอย่างผลงานโครงการบ้านขนาดเล็ก กล้วยน้ำไทยไมโครเฮาส์
การศึกษาสภาพเดิมของอาคารคือหัวใจที่สำคัญที่สุดสำหรับงานรีโนเวททุกงาน เปรียบเสมือนการกลัดกระดุมเม็ดแรก ถ้าเรากลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดถัดไปก็จะผิดทั้งหมด เนื่องจากอาคารเก่านั้นมีสภาพความทรุมโทรมที่ต่างกัน ซึ่งจะส่งผลกับความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้างที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในงานก่อสร้าง เจ้าของอาคารเก่าที่มีความต้องการจะรีโนเวททุกท่าน จึงต้องศึกษาสภาพเดิมของอาคารให้ดี และจะดีมากกว่าถ้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในงานรีโนเวทโดยตรง
Check list ที่สำคัญสำหรับการศึกษาสภาพอาคารเดิมจะมีทั้งหมด 4 ข้อ คือ
หลังจากการศึกษาโครงสร้างเดิมอย่างดีแล้ว โดยทั่วไปผู้ออกแบบจะนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการออกแบบ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืองานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรมหรืองานระบบต่างๆ นั้นสามารถเพิ่มเติมได้มากกว่า แต่ในทางกลับกันสิ่งที่เจ้าของอาคารต้องคำนึงก็คือ โครงสร้างคือข้อจำกัดของงานก่อสร้าง งานรีโนเวทนั้นไม่ใช่การสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา แต่เป็นการเปลี่ยนโฉมของเก่าที่มีข้อจำกัดให้สวยงามและตอบโจทย์ที่สุดเท่าที่ขอบเขตของมันจะเป็นไปได้
ผนังเบาสมาร์ทบอร์ดจะเป็นส่วนที่เลือกใช้ในพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องน้ำ โดยเลือกใช้ที่ความหนา 8 มม. สำหรับผนังภายใน และความหนา 10 มม. สำหรับผนังภายนอก ยึดติดด้วยโครงเคร่าสำเร็จรูปตัว U และตัว C ผนังเบาสมาร์ทบอร์ดมีน้ำหนักเบา แข็งแรง มีความเหนียวและยืดหยุ่น ไม่มีปัญหาเรื่องปลวก และทนต่อความชื้นทั้งภายในและภายนอกได้ดี
โดยส่วนมากในงานรีโนเวทอาคารที่เก่ามากๆ มักจะเดินระบบไฟฟ้ากับประปาและสุขาภิบาลใหม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเดิมของงานระบบที่ยังใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ วัสดุที่อาจจะชำรุด แต่โดยทั่วไปแล้วการเดินระบบของอาคารใหม่ไม่ได้เป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านต้องกังวลมากนัก
สภาพแวดล้อมและบริบทโดยรอบของอาคารเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากต่อการก่อสร้าง เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าในแต่ละพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ถนนทางเข้าหน้างานที่หน้ากว้างแคบ ไม่มีพื้นที่วางวัสดุก่อสร้าง หรือแม้กระทั่งเรื่องโครงสร้างที่มีผนังร่วม ที่เรามักจะพบมากในการรีโนเวทตึกแถว ทั้งนี้การศึกษาสภาพหน้างานที่ดี จะส่งผลให้การวางแผนงานก่อสร้างเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
เมื่อเจ้าของอาคารและผู้ออกแบบรับรู้เรื่องสภาพเดิมของอาคารแล้ว การออกแบบจะเป็นขั้นตอนต่อไป ซึ่งผู้ออกแบบจะต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดของโครงสร้างเดิม ที่จะเป็นการเปลี่ยนโฉมของเก่าที่มีข้อจำกัดให้สวยงามและตอบโจทย์เจ้าของอาคารมากที่สุดเท่าที่ขอบเขตของมันจะเป็นไปได้
ทีมงานออกแบบของเราได้รับบรีฟมาจากเจ้าของบ้านที่ต้องการจะปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็น Cooking Studio สำหรับสอนทำอาหาร มีพื้นที่ครัวที่ใหญ่ ใช้งานได้ดีสำหรับการทำอาหารและขนม ไปจนถึงการสอนคนที่มาเข้าคอร์สเรียนทำอาหาร และพื้นที่พักอาศัยที่ขนาดไม่ต้องใหญ่มากให้เพียงแค่เจ้าของบ้านสามารถเข้าพักอยู่ได้อย่างสบาย
การทำ Shop Drawing คือการนำข้อมูลสภาพเดิมอาคารมาเขียนเป็นแบบก่อสร้าง ที่ผู้ออกแบบจะใช้ยึดเป็นหลักสำหรับการออกแบบในขั้นตอนต่อไป Shop Drawing จะแสดงระยะต่างๆ ของอาคารเก่า โครงสร้าง วัสดุต่างๆ ไปจนถึงส่วนที่ทรุดโทรมที่เป็นปัญหาของอาคารเก่า ซึ่งผู้ออกแบบยังสามารถเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอาคารเก่าผ่าน Shop Drawing ได้อีกด้วย
ทีมงานออกแบบของ Too Architects ได้นำ Shop Drawing ของบ้านเก่าหลังนี้มาพิจารณา โดยเลือกที่จะเก็บโครงสร้างเสาคอนกรีตเสริมเหล็กไว้ และนำมาเป็นเกณฑ์สำคัญในการออกแบบต่อไป ซึ่งจะใช้โครงสร้างเดิมเป็นพื้นฐานและเพิ่มส่วนของโครงสร้างใหม่ที่เน้นการใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง
“Space” และ “Function” ของบ้านหลังนี้ได้มีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1. พื้นที่ “Public” ที่เป็นพื้นที่สำหรับ Cooking Studio ที่ใช้ในการทำกิจกรรมสอนทำอาหาร มีห้องครัวที่มีพื้นที่รองรับอุปกรณ์ครัวต่างๆ ได้ มีห้องน้ำสำหรับลูกค้าและพื้นที่ซักล้างอยู่ด้านหลังของอาคาร และ 2. พื้นที่ “Private” เป็นพื้นที่พักอาศัยสำหรับเจ้าของบ้านอยู่บริเวณชั้นลอย ซึ่งจะประกอบไปด้วยพื้นที่ห้องนอน ห้องน้ำส่วนตัว ที่เก็บของ และบริเวณนั่งเล่นขนาดเล็ก ซึ่งจะขึ้นมาจากบันไดชั้นล่าง ที่แบ่งแยกพื้นที่ของเจ้าของบ้านและพื้นที่ประกอบธุรกิจอย่างชัดเจน
ส่วนพื้นที่ครัวชั้นล่างมีการใช้โถง Double-Volume สูงบริเวณกลาง Island ขนาดใหญ่ เพื่อสร้างบรรยากาศความสบายไม่ให้พื้นที่รู้สึกคับแคบจนเกินไปซึ่งเป็นผลมาจากการปิดผนังบ้านโดยรอบให้ทึบไม่ให้มีช่องเปิด เนื่องจากเจ้าของบ้านนั้นต้องการความเป็นส่วนตัวของพื้นที่สูงและบริบทโดยรอบของบ้านมีอาคารสูงอยู่ล้อมรอบอยู่ จึงเลือกที่จะใช้ช่องเปิดขนาดใหญ่ที่ชั้นล่างแทน เพื่อให้แสงจากธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ครัวได้
ทางทีมผู้ออกแบบเลือกที่จะใช้โครงสร้างเหล็ก I-beam และ เหล็กกล่อง สำหรับโครงสร้างที่เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นหลัก เพราะมีน้ำหนักเบาติดตั้งใช้เวลาน้อยกว่า และที่สำคัญที่สุดนั้นเป็นการที่จะไม่เพิ่มน้ำหนักสำหรับโครงสร้างเดิมมากเกินไป พื้นที่ชั้นล่างทางผู้ออกแบบเลือกใช้ระบบคานคอนกรีตเสริมเหล็กที่จะช่วยรัดรอบเสาคอนกรีตเดิมไปในตัว และใช้พื้นระบบเทในที่และส่วนของชั้นลอยจะเป็นพื้นประเภทแผ่นพื้นสำเร็จรูปและเท Topping ความหนา 5-7 ซม.
ทางทีมผู้ออกแบบเลือกใช้ผนังสองชนิดผสมกัน คือ ผนังแบบก่ออิฐมวลเบาและผนังโครงคร่าวสมาร์ทบอร์ด ผนังภายในจะเน้นการใช้สีขาวและพื้นลายไม้สีอ่อน เพื่อช่วยเพิ่มความโปร่งและโล่งให้กับพื้นที่บ้าน และใช้บันได-ราวกันตกเหล็กสีขาวและสีดำเพื่อเน้นความเข้มและสร้างความแตกต่างให้กับพื้นที่ภายใน
หลังจากที่ขั้นตอนออกแบบเสร็จสมบูรณ์ก็จะเป็นขั้นตอนการเขียนแบบก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นแบบที่ใช้ในการคำนวณ BOQ (Bill of Quantities) สำหรับงานก่อสร้างต่อไป ทั้งนี้แบบก่อสร้างและ BOQ จะมีความสัมพันธ์กับงบประมาณของเจ้าของอาคารที่กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งนี้ผู้ออกแบบจะคำนึงถึงงบประมาณการก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของอาคารอีกด้วย
การรื้อถอนอาคารเดิมนั้นเป็นขั้นตอนแรกของการรีโนเวทอาคาร ซึ่งผู้ก่อสร้างจะต้องอาศัยแบบก่อสร้างเป็นแนวทางในการรื้อถอน ว่าจะรื้อถอนส่วนใด จะเก็บส่วนใด หรือจะนำวัสดุเก่าชนิดใดของอาคารเดิมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าขั้นตอนการรื้อถอนดำเนินการไปอย่างละเอียดแล้ว นอกจากจะช่วยให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปได้ง่ายขึ้น ยังจะเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณของเจ้าของบ้านอีกด้วย
งานรื้อถอนเป็นงานที่ละเอียดอ่อน มีปัจจัยที่จะต้องคำนึงถึงมาก แต่ถ้าเจ้าของบ้านและผู้ก่อสร้างเข้าใจในปัจจัยต่างๆ งานรื้อถอนก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งทางทีมงานขอยกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงมาดังนี้
วัสดุที่ได้จากการรื้อถอนนั้นผู้ก่อสร้างอาจจะนำมาใช้งานได้ในงานบางประเภทเช่น งานเข้าแบบเพื่อเทคอนกรีตหรืองานค้ำยัน เป็นต้นทั้งนี้การรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้นั้นจะเป็นผลดีเรื่องการประหยัดงบประมาณในก่อสร้างที่จะเกิดขึ้นซึ่งอาจจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับหน้างานแต่ละงานที่ไม่เหมือนกัน
ในงานก่อสร้างบ้านหลังนี้ทางทีมงานของเราได้นำวัสดุชนิดเหล็กกล่องที่เป็นจันทันเก่าของบ้านมาใช้เป็นแบบสำหรับงานโครงสร้างเทคอนกรีตและนำเศษอิฐที่ได้การจากการทุบมาใช้ถมเพื่อปรับระดับพื้นของอาคารทั้งนี้เป็นการช่วยเจ้าของบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของไม้แบบและดินที่จะต้องนำมาถมอีกด้วย
หลังจากที่ขั้นตอนการรื้อถอนเสร็จสิ้นแล้วผู้ออกแบบจะมาตรวจสอบภาพหน้างานของอาคารอีกครั้ง เพื่อที่จะมาทำ Shop Drawing เพิ่มเติมจากConstruction Drawing ที่ได้ทำไว้แล้วเป็นการตรวจสอบทั้งระยะและระดับต่างๆ ของอาคารรวมไปถึงสภาพโครงสร้างที่อาจจะได้รับผลกระทบจากงานรื้อถอนซึ่งอาจจะมีผลต่องานก่อสร้างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การทำ Shop Drawing อีกครั้งนั้นช่วยทำให้แบบที่จะใช้ในการก่อสร้างละเอียดมากขึ้นช่วยลดความผิดพลาดทางโครงสร้างที่อาจจะเกิดขึ้นและยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของงานก่อสร้างอีกด้วยทั้งนี้เมื่อผู้ออกแบบทราบสภาพหน้าจริงๆ แล้วในบางครั้งข้อจำกัดทางการก่อสร้างอาจมีเพิ่มเข้ามา ทำให้งานออกแบบอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมซึ่งทั้งทีมผู้ออกแบบและเจ้าของบ้านจะต้องตกลงกันในการหาทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่ขอบเขตของโครงสร้างเดิมจะเป็นไปได้
งานก่อสร้างประเภทโครงสร้างคือขั้นตอนแรกของงานก่อสร้างซึ่งความปลอดภัยคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดทั้งในเรื่องของความปลอดภัยของทีมงานก่อสร้างไปจนถึงความปอดภัยของเจ้าของบ้านในโอกาสนี้ Too Architects ขออธิบายขั้นตอนการก่อสร้างของบ้านหลังนี้อย่างละเอียดเพื่อที่จะให้เป็นประโยชน์แก่เจ้าของอาคารเก่าทุกท่านที่มีความประสงค์ที่จะรีโนเวทอาคารอย่างสวยงามถูกต้อง และปลอดภัย
เนื่องจากสภาพเดิมของบ้านหลังนี้มีฐานรากเดิมอยู่แล้วทางทีมงานก่อสร้างจึงเริ่มงานจากคานคอดินของบ้านซึ่งใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กรัดรอบเสาเดิมเพื่อเพิ่มให้มีความแข็งแรงและมั่นคงมากขึ้นในส่วนของพื้นชั้นล่างใช้โครงสร้างพื้นชนิดเทในที่ โดยเทต่อจากคานคอดินที่หล่อขึ้นมาใหม่และยังใช้วัสดุรีไซเคิลจากเหล็กจันทันเก่าของบ้านมาทำเป็นแบบหล่อคอนกรีต
โครงสร้างเหล็กมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากในการรีโนเวทบ้านหลังนี้ทั้งนี้ Too Architects จะขออธิบายขั้นตอนการก่อสร้างโครงสร้างเหล็กของบ้านตั้งแต่การเลือกขนาดเหล็กความหนา ไปจนถึงการติดตั้งโครงสร้างที่เกิดขึ้นในการก่อสร้างการเลือกชนิดวัสดุที่ถูกต้องจะช่วยให้งานก่อสร้างออกมาสวยงาม ปลอดภัย แข็งแรงและยังประหยัดงบประมาณของเจ้าของบ้านอีกด้วย
คานเหล็กของบ้านหลังนี้ทางทีมงานก่อสร้างเลือกใช้คานเหล็ก I-beam ขนาด 200 x100 x 7 x 10 มม. ความยาว 6 เมตรสั่งตัดตามความยาวที่ต้องการจากโรงงาน เชื่อมติดกับเพลทเหล็กขนาด 150 x 150x 12 มม. ที่ยึดกับหัวเสาด้วยการเทปูนนอนชริ้งค์เกราท์ 750ksc เพื่อความแข็งแรงของโครงสร้างที่จะต้องรับน้ำหนักเพิ่มเติม
เสาเหล็กของบ้านนั้นต่อขึ้นมาจากคานเหล็ก I-beam เนื่องจากเสาเหล็กทั้งชุดของบ้านนั้นรับน้ำหนักเพียงแค่โครงหลังคาของบ้าน จึงเลือกใช้เสาเหล็กกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 150 x 150 x 3.2 มม. เชื่อมติดกับคานเหล็ก I-beam ด้านล่าง และใช้อะเสเหล็กกล่องขนาด 50 x 100 x 2.3 มม. ปลายเสาเอาไว้เพื่อที่จะวางจันทันต่อไป
องค์ประกอบที่สำคัญของโครงหลังคาทรง “Lean-To” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “เพิงหมาแหงน” ของบ้านหลังนี้มีจันทันเหล็กกล่องขนาด 50 x 100 x 1.8 มม ที่เว้นระยะห่างทุกๆ 1 เมตร และแปเหล็กกล่องขนาด ขนาด 25 x 25 x 1.2 มม. ที่เว้นระยะห่างทุกๆ 1 เมตรตามสเปคของเมทัลชีมชนิด PU foam ที่ใช้เป็นวัสดุมุงหลังคา และปิดเชิงชายด้วยเหล็กแผ่นหนา 3 มม โดยรอบของหลังคา
หลังคาทรงเพิงหมาแหงนนี้เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเนื่องจากสามารถระบายน้ำฝนได้ดี ใช้วัสดุในการก่อสร้างโครงหลังคาไม่มากและมักจะใช้ควบคู่กับเมทัลชีท เนื่องจากเมทัลชีทเป็นวัสดุมุงที่สามารถเลือกขนาดความยาวได้ความต้องการ มีความยาวต่อแผ่นสูงเพราะรีดความยาวแผ่นมาจากโรงงาน ทำให้สามารถใช้คู่กับโครงหลังคาหลังคาที่มีความชันน้อยได้ดี
ในส่วนของโครงสร้างพื้นชั้นลอยนั้น มีการเลือกใช้พื้นสองชนิด คือ “แผ่นพื้นสำเร็จรูป” ที่ใช้วางบนคาน I-beam ปูด้วยตะแกรงเหล็ก ไวร์เมช ศก. 3 มม. ขนาดตาราง 20 x 20 มม. และเท Topping ด้วยปูน 240 ksc หนา 5 ซม. และ “พื้นเทในที่” ในส่วนของห้องน้ำที่ใช้การเข้าแบบด้วยการสานเหล็กกลม 9 มม. และเทปูน 350 ksc ผสมน้ำยากันซึมหนา 10 ซม. ทั้งนี้การเลือกใช้ชนิดโครงสร้างพื้นที่ต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งานที่ต่างกันด้วย
หลังจากที่งานโครงสร้างเสร็จสิ้นแล้วงานผนังจะเป็นขั้นตอนต่อไปของการก่อสร้าง โดยการรีโนเวทบ้านหลังนี้ทางทีมงานก่อสร้างเลือกใช้ผนังสองประเภทได้แก่ “ผนังก่ออิฐมวลเบา” และ “ผนังเบาสมาร์ทบอร์ด” เพราะมีน้ำหนักเบา มีความแข็งแรง และยังไม่เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเดิมมากจนเกินไปอีกด้วย
ผนังก่ออิฐมวลเบาจะเป็นส่วนที่เลือกใช้ในพื้นที่ที่ติดกับห้องน้ำ เนื่องจากสามารถทนความชื้นได้ดีกว่าผนังเบาสมาร์ทบอร์ดและต้องมีการปูกระเบื้องห้องน้ำทับ อิฐมวลเบายังมีข้อดีในเรื่องของความทนต่อสภาพอากาศ ป้องกันความร้อนได้ดี ดูดซับเสียงได้ดี และมีน้ำหนักเบา
ผนังเบาสมาร์ทบอร์ดจะเป็นส่วนที่เลือกใช้ในพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องน้ำ โดยเลือกใช้ที่ความหนา 8 มม. สำหรับผนังภายใน และความหนา 10 มม. สำหรับผนังภายนอก ยึดติดด้วยโครงเคร่าสำเร็จรูปตัว U และตัว C ผนังเบาสมาร์ทบอร์ดมีน้ำหนักเบา แข็งแรง มีความเหนียวและยืดหยุ่น ไม่มีปัญหาเรื่องปลวก และทนต่อความชื้นทั้งภายในและภายนอกได้ดี
ก่อนที่จะเริ่มงานฉาบผิวผนังของบ้านนั้น จะเป็นขั้นตอนของการเริ่มทำงานกรีดผนังเพื่อเดินท่อระบบไฟฟ้าและประปาของบ้าน ซึ่งท่อของทั้งสองระบบนี้ไม่ควรจะอยู่ในช่องชาร์ป หรือรอยกรีดเดียวกัน เนื่องจากเมื่อบ้านเสร็จสมบูรณ์และใช้งานผ่านระยะเวลาไปนาน อาจจะทำให้เกิดปัญหาเมื่อมีการรั่วซึมของท่อน้ำหรือท่อไฟฟ้าที่ชำรุด เมื่อท่อของทั้งสองระบบอยู่ใกล้กันจะเกิดปัญหาไฟช็อตได้
งานระบบสุขาภิบาลบางส่วนนั้นสามารถเริ่มก่อนงานก่อสร้างประเภทสถาปัตยกรรมได้เลย เช่น งานวางระบบระบายน้ำ ระบบบำบัดน้ำ ที่อยู่ภายใต้โครงสร้างชั้นล่าง หรือจะเป็นการฝังท่อบางส่วนก่อนจะเทพื้นคอนกรีตของห้องน้ำ ทั้งนี้อยู่ที่การวางแผนการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มต้น ในส่วนของงานเดินท่อไฟฟ้าและท่อน้ำบางส่วนนั้น มักจะทำหลังจากการก่อผนัง เนื่องจากจะต้องฉาบผนังทับเพื่อเก็บความเรียบร้อยของท่อสายไฟและท่อน้ำ
พื้นฐานของงานระบบไฟฟ้านั้น ทางทีมงานก่อสร้างจะอาศัยแบบไฟฟ้าเป็นเป็นเกณฑ์ในการคำนวณโหลดไฟฟ้าว่าเป็นเท่าใด ซึ่งจะคำนวณจากปริมาณเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะมีในบ้าน จำนวนดวงไฟแสงสว่าง ปลั๊กไฟ หรือ สิ่งต่างๆ ที่ใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้เจ้าของบ้านจะต้องแจ้งให้กับทั้งทีมงานออกแบบและทีมงานก่อสร้างทราบถึงความต้องการในการใช้งานไฟฟ้าเบื้องต้น
ในการเดินระบบท่อไฟฟ้าของบ้านหลังนี้ ทางทีมงานก่อสร้างเลือกที่จะใช้ท่อ PVC สีเหลือง เป็นท่อร้อยสายไฟ เพราะมีราคาถูก ช่วยให้ประหยัดงบประมาณของเจ้าของบ้านและเนื่องจากท่อจะต้องฝังในผนังอยู่แล้ว จึงไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ท่อโลหะที่มีราคาสูง
ในงานระบบประปาและสุขาภิบาลนั้น จะต้องคำนึงถึงแนวทางการเดินระบบตั้งแต่น้ำดีที่เข้ามาสู่ตัวบ้าน ไปจนถึงการบำบัดน้ำเสียผ่านถังบัดบำน้ำ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ถังแซ็ท” ไปจนถึงการระบายออกสู่สาธารณะ ประเภทของน้ำในงานระบบประปาและสุขาภิบาลแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
หลังจากที่งานเดินท่องานระบบเสร็จสิ้นแล้ว จะเป็นขั้นตอนของงานฉาบผนังก่ออิฐมวลเบาและผนังเบาสมาร์ทบอร์ด ซึ่งผนังทั้งสองประเภทจะใช้ชนิดของปูนฉาบและวิธีฉาบที่แตกต่างกัน
การฉาบผนังอิฐมวลเบานั้นควรฉาบปูนที่ความหนา 5-10 มม. ไม่ต้องฉาบหนาเหมือนผนังอิฐมอญ เพราะหากเป็นอิฐมวลเบาที่มีคุณภาพมาตรฐาน ก้อนอิฐจะมีผิวเรียบได้ขนาด สามารถก่อได้ดิ่งได้แนวง่าย ไม่เปลืองปูนฉาบ
การฉาบผนังเบาสมาร์ทบอร์ดจะเริ่มจากการฉาบเก็บรอยต่อระหว่างแผ่น ซึ่งต้องใช้ปูนประเภทปูนฉาบเก็บรอยต่อของซีเมนต์บอร์ด และปิดท้ายด้วยการฉาบบางหรือ (Skim Coat) ที่ความหนา 0.30 -3.0 มม. จะทำให้ผนังเรียบเนียนพร้อมที่จะทาสีรองพื้นต่อไป
งานก่อสร้างบันไดของบ้านหลังนี้ทางทีมงานก่อสร้างเลือกที่จะดำเนินการหลังจากการฉาบผิวผนัง เนื่องจากจะเป็นการป้องกันการชำรุดของบันไดที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินขั้นตอนการก่อสร้างอื่นอยู่ โครงสร้างบันไดของบ้านเป็นโครงสร้างเหล็กที่เน้นสีดำและสีขาวเป็นหลัก ใช้แม่บันไดเหล็ก I-beam ขนาด 200 x 100 x 7 x 10 มม. เชื่อมกับลูกบันไดเหล็กพับหนา 6 มม. ในส่วนของราวบันไดละราวกันตกนั้น เลือกใช้เหล็กกลมเป็นระแนงแนวตั้งกับราวจับเหล็กฉาก
งานประเภท Finishing จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเก็บงานสถาปัตยกรรมก่อนจะติดตั้งอุปกรณ์ เพราะงานก่อสร้างประเภทนี้ต้องการฝีมือช่างที่มีความละเอียดสูง ไม่ควรจะดำเนินการหลังจากที่การก่อสร้างประเภทโครงสร้างเสร็จสิ้นหมดแล้ว
งานกระเบื้องห้องน้ำมีทั้งในส่วนของพื้นและผนัง กระเบื้องพื้นห้องน้ำนั้นต้องมีระดับความลาดเอียงของพื้นที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำสามารถระบายลงท่อระบายน้ำได้ ในส่วนของผนังที่ต้องได้ระยะดิ่งที่ตรง ไม่คดเอียงและจะต้องยาแนวตามร่องกระเบื้องทุกแผ่นไม่ว่าจะเป็นส่วนของพื้นและผนังด้วยปูนยาแนวที่ได้คุณภาพ
งานฝ้าจะเริ่มหลังจากที่งานผิวผนังเสร็จสิ้นแล้ว การขึ้นโครงฝ้าจะใช้ซีลายขึ้นเป็นตารางโดยเว้นระยะห่างช่องละ 40 ซม. และใช้ยิปซั่มบอร์ดความหนา 9 มมเป็นวัสดุฝ้า ในส่วนของห้องน้ำจะมีการใช้ยิปซั่มต่างชนิดจากพื้นที่ภายใน ซึ่งจะเป็นยิปซั่มบอร์ดชนิดกันชื้น ส่วนของฝ้าภายนอกของบ้านที่ต้องโดนแดดและฝนอยู่ตลอดเวลานั้น ทางทีมงานก่อสร้างเลือกใช้สมาร์ทบอร์ดความหนา 6 มม. เพราะมีความสามารถในการทนทานต่อสภาพอากาศและแข็งแรงมากกว่ายิปซั่มบอร์ด
ขั้นตอนการทำสีฝ้านั้นจะเริ่มจากการฉาบบาง (Skim Coat) ที่ความหนา 0.30 -3.0 มม. และลงสีรองพื้น จากนั้นค่อยลงสีจริงประมาณ 2-3 รอบ สีจึงจะติดทน และอยู่ได้นาน
งานสีคืองานที่ต้องอาศัยความละเอียดและการทาสีที่เสมอกันของช่างสี ทั้งนี้การเลือกชนิดสีที่ใช้ก็มีความแตกต่างกันในแต่ละชนิดของพื้นผิวและพื้นที่ที่ต้องทาสี
การเริ่มงานสีนั้นเริ่มจากการทาสีรองพื้น ซึ่งบ้านหลังนี้มีการใช้สีรองพื้น 2 ประเภท คือ สีรองพื้นปูนเก่าสำหรับผนังสมาร์ทบอร์ดและสีรองพื้นปูนใหม่สำหรับผนังอิฐมวลเบา การทาสีรองพื้นจะทาเพียงแค่ 1 รอบเท่านั้น เมื่อสีรองพื้นแห้งดีแล้ว จะเป็นการทาสีจริงของผนัง
สีจริงนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทคือสีทาภายนอกและสีทาภายใน สีจริงจะทามากถึง 2-3 รอบสำหรับสีอ่อน แต่ถ้าเป็นสีที่สดและเข้มมากๆ อาจจะต้องทาถึง 4-5 รอบเพื่อให้สีติดทนและสวยงาม
กระเบื้องพื้นของบ้านหลังนี้เลือกใช้เป็นกระเบื้องยางลายไม้ชนิดทากาว ให้สัมผัสที่คล้ายไม้และให้ความรู้สึกอบอุ่น มีความนุ่มและยืดหยุ่น ง่ายต่อการซ่อมแซมชิ้นส่วนกระเบื้องที่อาจชำรุดในอนาคต ใช้เวลาปูรวดเร็วและปิดขอบวัสดุด้วยบัวพื้นลายไม้
หลังจากงานประเภท Finishing เสร็จสิ้นแล้วจะมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ 2-3 รอบ เนื่องจากระหว่างงานก่อสร้างทุกขั้นตอนนั้นทำให้เกิดฝุ่นและขยะเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วจะเป็นการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ของบ้าน
อุปกรณ์ของงานระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งในขั้นตอนนี้ได้แก่ อุปกรณ์ดวงไฟแสงสว่าง หน้ากากสวิตซ์และปลั๊กไฟ เครื่องปรับอากาศและเครื่องดูดควัน หลังจากที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางทีมงานก่อสร้างจะทำการตรวจสภาพการใช้งานของงานระบบไฟฟ้าทุกจุดอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยของเจ้าของบ้านเมื่อเข้าใช้งานและอยู่อาศัย
อุปกรณ์ในงานประเภทนี้ไม่ว่าจะเป็น โถส้วม อ่างล้างมือ สายชำระ ฝักบัว หรือก๊อกน้ำ จะทำการติดตั้งหลังจากปูกระเบื้องเสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ในขั้นตอนการติดตั้งจะต้องดูบริเวณรอยต่อให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการรั่วซึมของอุปกณ์หลังจากที่ผ่านการใช้งานไปเป็นระยะเวลานาน
ในงานติดตั้งบานกระจก บานหน้าต่างและประตูบานเลื่อนอลูมิเนียมนั้นสามารถดำเนินการก่อนหรือหลังจากทำสีก็ได้ ขึ้นอยู่กับแผนงานการก่อสร้างที่ทีมงานก่อสร้างวางไว้ ทั้งนี้สำหรับบ้านหลังนี้นั้นทางทีมงานก่อสร้างเลือกที่จะทำเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจทำให้บานอลูมิเนียมที่ติดตั้งได้รับความเสียหายได้
การเลือกบานอลูมิเนียมนั้นทีมงานออกแบบจะต้องให้ข้อมูลต่างๆ แก่เจ้าของบ้านไม่ว่าจะเป็น สีและความหนาของกระจกและกรอบอลูมิเนียม ชนิดการเปิดของบาน ไปจนถึงการใช้ดีเทลต่างๆ ของการติดตั้ง ทั้งนี้จะต้องสัมพันธ์กับงบประมาณของเจ้าของบ้านที่มีด้วย
สำหรับบานประตูภายในของบ้านหลังนี้มีทั้งชนิดประตูบานเปิดเดี่ยวและประตูบานเลื่อน โดยเน้นการใช้ประตูวัสดุบาน UPVC เพราะมีน้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทานต่อปลวกและมีราคาประหยัด
งาน Built-in ของบ้านหลังนี้มีเพียงแค่ Island บริเวณห้องครัว ที่ขึ้นโครงด้วยเหล็กกล่องปิดผิวด้วยแผ่นวีเนียร์ไม้ และวางท็อปด้วยแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับการทำขนม และชั้นวางของสำหรับหิ้งพระหน้าห้องนอนที่เน้นการใช้แผ่นวีเนียร์ลายไม้สีอ่อน ทั้งนี้งาน Built-in เป็นงานที่สามารถออกแบบและก่อสร้างได้ตามต้องการของเจ้าของ เนื่องจากบางครั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวตามตลาดอาจไม่มีขนาดตามที่ต้องการ การใช้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับพื้นที่ที่จำกัดหรือความต้องการที่เฉพาะ
หลังจากที่การก่อสร้างทุกขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทางทีมงานก่อสร้างจะดำเนินการทำความสะอาดอีก 2-3 ครั้ง และให้เจ้าของบ้านตรวจสภาพความเรียบร้อยต่างๆ ของงานก่อสร้างก่อนส่งมอบงาน ไม่ว่าจะเป็นงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานระบบไฟฟ้า งานระบบประปาสุขาภิบาล และงาน Built-in เพื่อผลประโยชน์แก่เจ้าของบ้านเอง และในขั้นตอนนี้ทางทีมงานก่อสร้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขจุดต่างๆ ที่อาจเกิดปัญหา ชำรุดหรือเสียหายทั้งหมดก่อนจะส่งมอบงานได้
ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับขั้นตอนการรีโนเวทบ้านเก่าชั้นเดียวอายุกว่า 30 ปี โดย Too Architects หวังว่าข้อมูลต่างๆ ในแต่ละขั้นตอนของบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านไม่มากก็น้อย และทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้นำข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่ได้จากบทความนี้ไปใช้กับอาคารเก่าที่รอวันได้รับการแปลงโฉมของท่านอยู่ งานรีโนเวทนั้นไม่ยากอย่างที่คิด หากทำอย่างถูกวิธีและถูกขั้นตอน แต่ขอให้ทุกท่านตระหนักไว้เสมอว่าการรีโนเวทอาคารเก่านั้นไม่ใช่การสร้างใหม่ แต่เป็นการเปลี่ยนโฉมของเก่าที่มีข้อจำกัดให้สวยงามและตอบโจทย์ที่สุดเท่าที่ขอบเขตของตัวอาคารเองจะเป็นไปได้
หากต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการรีโนเวทและการออกแบบอาคารเก่าสามารถ คลิ๊กที่นี่
หรือส่งรายละเอียดมาที่ E-mail : admin@too-architects.com หรือ โทร 061-268-2281
ทาง Too Architects ยินดีให้คำปรึกษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
Too Architects จะขอพาท่านผู้อ่านทุกท่านมาดูขั้นตอนการรีโนเวทบ้านเก่าชั้นเดียว อายุกว่า 30 ปี ที่เจ้าของนั้นมีความต้องการที่จะปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็น Cooking Studio สำหรับสอนทำอาหารและและมีพื้นที่สำหรับพักอาศัยอยู่บริเวณชั้นบน
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในย่านกล้วยน้ำไท ซึ่งเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นย่านที่มีการประกอบธุรกิจขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยราคาที่ดินต่อตารางวาที่สูงทำให้เรามักจะเห็นรูปแบบการใช้พื้นที่พักอาศัยผสมรวมกับพื้นที่ทำธุรกิจขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก และยังตอบโจทย์สำหรับวิถีชีวิตคนเมืองที่ “ที่พักอาศัย” และ “ที่ทำงาน” อยู่ในที่เดียวกันได้อย่างดี
ด้วยข้อจำกัดทางพื้นที่ของบ้านหลังนี้ที่มีขนาดเล็ก และความต้องการที่จะเพิ่มฟังก์ชั่นพื้นที่ครัวขนาดใหญ่เข้าไปในบ้านสำหรับทำเป็น Cooking Studio จึงเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายสำหรับทางทีมงานของเรา ทั้งนี้งานออกแบบและก่อสร้างอาคารที่เสร็จสมบูรณ์นั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าขาดการร่วมงานกันอย่างต่อเนื่องระหว่างทีมงานของเราและเจ้าของบ้านตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเราเชื่อในแนวคิดการทำงานที่ว่า “เจ้าของบ้าน” ไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็น “เพื่อนร่วมงาน” ที่เราจะสื่อสารและประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา
โจทย์ที่ทางเจ้าของบ้านให้มานั้นคือต้องการพื้นที่ครัวที่ใหญ่ ใช้งานได้ดีสำหรับการทำอาหารและขนม ไปจนถึงการสอนคนที่มาเข้าคอร์ส และพื้นที่พักอาศัยที่ขนาดไม่ต้องใหญ่มากให้เพียงเข้าพักอยู่ได้ แต่ด้วยขอบเขตของบ้านเดิมที่มีขนาดเพียง 5 เมตร x 10 เมตร ทำให้ทีมงานออกแบบต้องเพิ่มพื้นที่ชั้นลอยเข้าไปในบริเวณตัวบ้าน โดยแบ่งพื้นที่ครัวไว้ที่ชั้นล่าง และพื้นที่พักอาศัยไว้ที่ชั้นลอย ซึ่งการแบ่งแยกนี้ยังเป็นการเพิ่ม “Privacy” ของพื้นที่ไปในตัว
บ้านหลังนี้นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ที่มีบ้านหรืออาคารเก่าและต้องการจะรีโนเวทเพื่อจุดประสงค์ใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าเป็นสำหรับการพักอาศัยหรือการประกอบธุรกิจ เป็นเรื่องธรรมดาที่อาคารเก่านั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่ซับซ้อนและสภาพเดิมที่ต้องการการซ่อมแซมอย่างละเอียด แต่เพียงแค่การเข้าใจขั้นตอนต่างๆ ก่อนเริ่มงานรีโนเวท ตั้งแต่การศึกษาสภาพอาคารเดิม การออกแบบ ไปจนถึงการก่อสร้างที่ปลอดภัย ก็จะทำให้งานรีโนเวทไม่ยากอย่างที่คุณคิด
Too Architects จะขอนำทุกท่านไปดูขั้นตอนการรีโนเวทบ้านหลังนี้อย่างละเอียดในทุกๆ ขั้นตอน ทั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหมด 13 ขั้นตอน รวมถึงอธิบายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งในเรื่องการออกแบบ การก่อสร้าง งานระบบและการเลือกใช้วัสดุ ที่สามารถนำไปใช้กับอาคารเก่าของทุกท่านได้
ตัวอย่างผลงานโครงการบ้านขนาดเล็ก กล้วยน้ำไทยไมโครเฮาส์
การศึกษาสภาพเดิมของอาคารคือหัวใจที่สำคัญที่สุดสำหรับงานรีโนเวททุกงาน เปรียบเสมือนการกลัดกระดุมเม็ดแรก ถ้าเรากลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดถัดไปก็จะผิดทั้งหมด เนื่องจากอาคารเก่านั้นมีสภาพความทรุมโทรมที่ต่างกัน ซึ่งจะส่งผลกับความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้างที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในงานก่อสร้าง เจ้าของอาคารเก่าที่มีความต้องการจะรีโนเวททุกท่าน จึงต้องศึกษาสภาพเดิมของอาคารให้ดี และจะดีมากกว่าถ้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในงานรีโนเวทโดยตรง
Check list ที่สำคัญสำหรับการศึกษาสภาพอาคารเดิมจะมีทั้งหมด 4 ข้อ คือ
หลังจากการศึกษาโครงสร้างเดิมอย่างดีแล้ว โดยทั่วไปผู้ออกแบบจะนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการออกแบบ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืองานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรมหรืองานระบบต่างๆ นั้นสามารถเพิ่มเติมได้มากกว่า แต่ในทางกลับกันสิ่งที่เจ้าของอาคารต้องคำนึงก็คือ โครงสร้างคือข้อจำกัดของงานก่อสร้าง งานรีโนเวทนั้นไม่ใช่การสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา แต่เป็นการเปลี่ยนโฉมของเก่าที่มีข้อจำกัดให้สวยงามและตอบโจทย์ที่สุดเท่าที่ขอบเขตของมันจะเป็นไปได้
ผนังเบาสมาร์ทบอร์ดจะเป็นส่วนที่เลือกใช้ในพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องน้ำ โดยเลือกใช้ที่ความหนา 8 มม. สำหรับผนังภายใน และความหนา 10 มม. สำหรับผนังภายนอก ยึดติดด้วยโครงเคร่าสำเร็จรูปตัว U และตัว C ผนังเบาสมาร์ทบอร์ดมีน้ำหนักเบา แข็งแรง มีความเหนียวและยืดหยุ่น ไม่มีปัญหาเรื่องปลวก และทนต่อความชื้นทั้งภายในและภายนอกได้ดี
โดยส่วนมากในงานรีโนเวทอาคารที่เก่ามากๆ มักจะเดินระบบไฟฟ้ากับประปาและสุขาภิบาลใหม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเดิมของงานระบบที่ยังใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ วัสดุที่อาจจะชำรุด แต่โดยทั่วไปแล้วการเดินระบบของอาคารใหม่ไม่ได้เป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านต้องกังวลมากนัก
สภาพแวดล้อมและบริบทโดยรอบของอาคารเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากต่อการก่อสร้าง เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าในแต่ละพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ถนนทางเข้าหน้างานที่หน้ากว้างแคบ ไม่มีพื้นที่วางวัสดุก่อสร้าง หรือแม้กระทั่งเรื่องโครงสร้างที่มีผนังร่วม ที่เรามักจะพบมากในการรีโนเวทตึกแถว ทั้งนี้การศึกษาสภาพหน้างานที่ดี จะส่งผลให้การวางแผนงานก่อสร้างเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
เมื่อเจ้าของอาคารและผู้ออกแบบรับรู้เรื่องสภาพเดิมของอาคารแล้ว การออกแบบจะเป็นขั้นตอนต่อไป ซึ่งผู้ออกแบบจะต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดของโครงสร้างเดิม ที่จะเป็นการเปลี่ยนโฉมของเก่าที่มีข้อจำกัดให้สวยงามและตอบโจทย์เจ้าของอาคารมากที่สุดเท่าที่ขอบเขตของมันจะเป็นไปได้
ทีมงานออกแบบของเราได้รับบรีฟมาจากเจ้าของบ้านที่ต้องการจะปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็น Cooking Studio สำหรับสอนทำอาหาร มีพื้นที่ครัวที่ใหญ่ ใช้งานได้ดีสำหรับการทำอาหารและขนม ไปจนถึงการสอนคนที่มาเข้าคอร์สเรียนทำอาหาร และพื้นที่พักอาศัยที่ขนาดไม่ต้องใหญ่มากให้เพียงแค่เจ้าของบ้านสามารถเข้าพักอยู่ได้อย่างสบาย
การทำ Shop Drawing คือการนำข้อมูลสภาพเดิมอาคารมาเขียนเป็นแบบก่อสร้าง ที่ผู้ออกแบบจะใช้ยึดเป็นหลักสำหรับการออกแบบในขั้นตอนต่อไป Shop Drawing จะแสดงระยะต่างๆ ของอาคารเก่า โครงสร้าง วัสดุต่างๆ ไปจนถึงส่วนที่ทรุดโทรมที่เป็นปัญหาของอาคารเก่า ซึ่งผู้ออกแบบยังสามารถเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอาคารเก่าผ่าน Shop Drawing ได้อีกด้วย
ทีมงานออกแบบของ Too Architects ได้นำ Shop Drawing ของบ้านเก่าหลังนี้มาพิจารณา โดยเลือกที่จะเก็บโครงสร้างเสาคอนกรีตเสริมเหล็กไว้ และนำมาเป็นเกณฑ์สำคัญในการออกแบบต่อไป ซึ่งจะใช้โครงสร้างเดิมเป็นพื้นฐานและเพิ่มส่วนของโครงสร้างใหม่ที่เน้นการใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง
“Space” และ “Function” ของบ้านหลังนี้ได้มีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1. พื้นที่ “Public” ที่เป็นพื้นที่สำหรับ Cooking Studio ที่ใช้ในการทำกิจกรรมสอนทำอาหาร มีห้องครัวที่มีพื้นที่รองรับอุปกรณ์ครัวต่างๆ ได้ มีห้องน้ำสำหรับลูกค้าและพื้นที่ซักล้างอยู่ด้านหลังของอาคาร และ 2. พื้นที่ “Private” เป็นพื้นที่พักอาศัยสำหรับเจ้าของบ้านอยู่บริเวณชั้นลอย ซึ่งจะประกอบไปด้วยพื้นที่ห้องนอน ห้องน้ำส่วนตัว ที่เก็บของ และบริเวณนั่งเล่นขนาดเล็ก ซึ่งจะขึ้นมาจากบันไดชั้นล่าง ที่แบ่งแยกพื้นที่ของเจ้าของบ้านและพื้นที่ประกอบธุรกิจอย่างชัดเจน
ส่วนพื้นที่ครัวชั้นล่างมีการใช้โถง Double-Volume สูงบริเวณกลาง Island ขนาดใหญ่ เพื่อสร้างบรรยากาศความสบายไม่ให้พื้นที่รู้สึกคับแคบจนเกินไปซึ่งเป็นผลมาจากการปิดผนังบ้านโดยรอบให้ทึบไม่ให้มีช่องเปิด เนื่องจากเจ้าของบ้านนั้นต้องการความเป็นส่วนตัวของพื้นที่สูงและบริบทโดยรอบของบ้านมีอาคารสูงอยู่ล้อมรอบอยู่ จึงเลือกที่จะใช้ช่องเปิดขนาดใหญ่ที่ชั้นล่างแทน เพื่อให้แสงจากธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ครัวได้
ทางทีมผู้ออกแบบเลือกที่จะใช้โครงสร้างเหล็ก I-beam และ เหล็กกล่อง สำหรับโครงสร้างที่เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นหลัก เพราะมีน้ำหนักเบาติดตั้งใช้เวลาน้อยกว่า และที่สำคัญที่สุดนั้นเป็นการที่จะไม่เพิ่มน้ำหนักสำหรับโครงสร้างเดิมมากเกินไป พื้นที่ชั้นล่างทางผู้ออกแบบเลือกใช้ระบบคานคอนกรีตเสริมเหล็กที่จะช่วยรัดรอบเสาคอนกรีตเดิมไปในตัว และใช้พื้นระบบเทในที่และส่วนของชั้นลอยจะเป็นพื้นประเภทแผ่นพื้นสำเร็จรูปและเท Topping ความหนา 5-7 ซม.
ทางทีมผู้ออกแบบเลือกใช้ผนังสองชนิดผสมกัน คือ ผนังแบบก่ออิฐมวลเบาและผนังโครงคร่าวสมาร์ทบอร์ด ผนังภายในจะเน้นการใช้สีขาวและพื้นลายไม้สีอ่อน เพื่อช่วยเพิ่มความโปร่งและโล่งให้กับพื้นที่บ้าน และใช้บันได-ราวกันตกเหล็กสีขาวและสีดำเพื่อเน้นความเข้มและสร้างความแตกต่างให้กับพื้นที่ภายใน
หลังจากที่ขั้นตอนออกแบบเสร็จสมบูรณ์ก็จะเป็นขั้นตอนการเขียนแบบก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นแบบที่ใช้ในการคำนวณ BOQ (Bill of Quantities) สำหรับงานก่อสร้างต่อไป ทั้งนี้แบบก่อสร้างและ BOQ จะมีความสัมพันธ์กับงบประมาณของเจ้าของอาคารที่กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งนี้ผู้ออกแบบจะคำนึงถึงงบประมาณการก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของอาคารอีกด้วย
การรื้อถอนอาคารเดิมนั้นเป็นขั้นตอนแรกของการรีโนเวทอาคาร ซึ่งผู้ก่อสร้างจะต้องอาศัยแบบก่อสร้างเป็นแนวทางในการรื้อถอน ว่าจะรื้อถอนส่วนใด จะเก็บส่วนใด หรือจะนำวัสดุเก่าชนิดใดของอาคารเดิมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าขั้นตอนการรื้อถอนดำเนินการไปอย่างละเอียดแล้ว นอกจากจะช่วยให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปได้ง่ายขึ้น ยังจะเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณของเจ้าของบ้านอีกด้วย
งานรื้อถอนเป็นงานที่ละเอียดอ่อน มีปัจจัยที่จะต้องคำนึงถึงมาก แต่ถ้าเจ้าของบ้านและผู้ก่อสร้างเข้าใจในปัจจัยต่างๆ งานรื้อถอนก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งทางทีมงานขอยกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงมาดังนี้
วัสดุที่ได้จากการรื้อถอนนั้นผู้ก่อสร้างอาจจะนำมาใช้งานได้ในงานบางประเภทเช่น งานเข้าแบบเพื่อเทคอนกรีตหรืองานค้ำยัน เป็นต้นทั้งนี้การรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้นั้นจะเป็นผลดีเรื่องการประหยัดงบประมาณในก่อสร้างที่จะเกิดขึ้นซึ่งอาจจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับหน้างานแต่ละงานที่ไม่เหมือนกัน
ในงานก่อสร้างบ้านหลังนี้ทางทีมงานของเราได้นำวัสดุชนิดเหล็กกล่องที่เป็นจันทันเก่าของบ้านมาใช้เป็นแบบสำหรับงานโครงสร้างเทคอนกรีตและนำเศษอิฐที่ได้การจากการทุบมาใช้ถมเพื่อปรับระดับพื้นของอาคารทั้งนี้เป็นการช่วยเจ้าของบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของไม้แบบและดินที่จะต้องนำมาถมอีกด้วย
หลังจากที่ขั้นตอนการรื้อถอนเสร็จสิ้นแล้วผู้ออกแบบจะมาตรวจสอบภาพหน้างานของอาคารอีกครั้ง เพื่อที่จะมาทำ Shop Drawing เพิ่มเติมจากConstruction Drawing ที่ได้ทำไว้แล้วเป็นการตรวจสอบทั้งระยะและระดับต่างๆ ของอาคารรวมไปถึงสภาพโครงสร้างที่อาจจะได้รับผลกระทบจากงานรื้อถอนซึ่งอาจจะมีผลต่องานก่อสร้างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การทำ Shop Drawing อีกครั้งนั้นช่วยทำให้แบบที่จะใช้ในการก่อสร้างละเอียดมากขึ้นช่วยลดความผิดพลาดทางโครงสร้างที่อาจจะเกิดขึ้นและยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของงานก่อสร้างอีกด้วยทั้งนี้เมื่อผู้ออกแบบทราบสภาพหน้าจริงๆ แล้วในบางครั้งข้อจำกัดทางการก่อสร้างอาจมีเพิ่มเข้ามา ทำให้งานออกแบบอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมซึ่งทั้งทีมผู้ออกแบบและเจ้าของบ้านจะต้องตกลงกันในการหาทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่ขอบเขตของโครงสร้างเดิมจะเป็นไปได้
งานก่อสร้างประเภทโครงสร้างคือขั้นตอนแรกของงานก่อสร้างซึ่งความปลอดภัยคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดทั้งในเรื่องของความปลอดภัยของทีมงานก่อสร้างไปจนถึงความปอดภัยของเจ้าของบ้านในโอกาสนี้ Too Architects ขออธิบายขั้นตอนการก่อสร้างของบ้านหลังนี้อย่างละเอียดเพื่อที่จะให้เป็นประโยชน์แก่เจ้าของอาคารเก่าทุกท่านที่มีความประสงค์ที่จะรีโนเวทอาคารอย่างสวยงามถูกต้อง และปลอดภัย
เนื่องจากสภาพเดิมของบ้านหลังนี้มีฐานรากเดิมอยู่แล้วทางทีมงานก่อสร้างจึงเริ่มงานจากคานคอดินของบ้านซึ่งใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กรัดรอบเสาเดิมเพื่อเพิ่มให้มีความแข็งแรงและมั่นคงมากขึ้นในส่วนของพื้นชั้นล่างใช้โครงสร้างพื้นชนิดเทในที่ โดยเทต่อจากคานคอดินที่หล่อขึ้นมาใหม่และยังใช้วัสดุรีไซเคิลจากเหล็กจันทันเก่าของบ้านมาทำเป็นแบบหล่อคอนกรีต
โครงสร้างเหล็กมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากในการรีโนเวทบ้านหลังนี้ทั้งนี้ Too Architects จะขออธิบายขั้นตอนการก่อสร้างโครงสร้างเหล็กของบ้านตั้งแต่การเลือกขนาดเหล็กความหนา ไปจนถึงการติดตั้งโครงสร้างที่เกิดขึ้นในการก่อสร้างการเลือกชนิดวัสดุที่ถูกต้องจะช่วยให้งานก่อสร้างออกมาสวยงาม ปลอดภัย แข็งแรงและยังประหยัดงบประมาณของเจ้าของบ้านอีกด้วย
คานเหล็กของบ้านหลังนี้ทางทีมงานก่อสร้างเลือกใช้คานเหล็ก I-beam ขนาด 200 x100 x 7 x 10 มม. ความยาว 6 เมตรสั่งตัดตามความยาวที่ต้องการจากโรงงาน เชื่อมติดกับเพลทเหล็กขนาด 150 x 150x 12 มม. ที่ยึดกับหัวเสาด้วยการเทปูนนอนชริ้งค์เกราท์ 750ksc เพื่อความแข็งแรงของโครงสร้างที่จะต้องรับน้ำหนักเพิ่มเติม
เสาเหล็กของบ้านนั้นต่อขึ้นมาจากคานเหล็ก I-beam เนื่องจากเสาเหล็กทั้งชุดของบ้านนั้นรับน้ำหนักเพียงแค่โครงหลังคาของบ้าน จึงเลือกใช้เสาเหล็กกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 150 x 150 x 3.2 มม. เชื่อมติดกับคานเหล็ก I-beam ด้านล่าง และใช้อะเสเหล็กกล่องขนาด 50 x 100 x 2.3 มม. ปลายเสาเอาไว้เพื่อที่จะวางจันทันต่อไป
องค์ประกอบที่สำคัญของโครงหลังคาทรง “Lean-To” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “เพิงหมาแหงน” ของบ้านหลังนี้มีจันทันเหล็กกล่องขนาด 50 x 100 x 1.8 มม ที่เว้นระยะห่างทุกๆ 1 เมตร และแปเหล็กกล่องขนาด ขนาด 25 x 25 x 1.2 มม. ที่เว้นระยะห่างทุกๆ 1 เมตรตามสเปคของเมทัลชีมชนิด PU foam ที่ใช้เป็นวัสดุมุงหลังคา และปิดเชิงชายด้วยเหล็กแผ่นหนา 3 มม โดยรอบของหลังคา
หลังคาทรงเพิงหมาแหงนนี้เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเนื่องจากสามารถระบายน้ำฝนได้ดี ใช้วัสดุในการก่อสร้างโครงหลังคาไม่มากและมักจะใช้ควบคู่กับเมทัลชีท เนื่องจากเมทัลชีทเป็นวัสดุมุงที่สามารถเลือกขนาดความยาวได้ความต้องการ มีความยาวต่อแผ่นสูงเพราะรีดความยาวแผ่นมาจากโรงงาน ทำให้สามารถใช้คู่กับโครงหลังคาหลังคาที่มีความชันน้อยได้ดี
ในส่วนของโครงสร้างพื้นชั้นลอยนั้น มีการเลือกใช้พื้นสองชนิด คือ “แผ่นพื้นสำเร็จรูป” ที่ใช้วางบนคาน I-beam ปูด้วยตะแกรงเหล็ก ไวร์เมช ศก. 3 มม. ขนาดตาราง 20 x 20 มม. และเท Topping ด้วยปูน 240 ksc หนา 5 ซม. และ “พื้นเทในที่” ในส่วนของห้องน้ำที่ใช้การเข้าแบบด้วยการสานเหล็กกลม 9 มม. และเทปูน 350 ksc ผสมน้ำยากันซึมหนา 10 ซม. ทั้งนี้การเลือกใช้ชนิดโครงสร้างพื้นที่ต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งานที่ต่างกันด้วย
หลังจากที่งานโครงสร้างเสร็จสิ้นแล้วงานผนังจะเป็นขั้นตอนต่อไปของการก่อสร้าง โดยการรีโนเวทบ้านหลังนี้ทางทีมงานก่อสร้างเลือกใช้ผนังสองประเภทได้แก่ “ผนังก่ออิฐมวลเบา” และ “ผนังเบาสมาร์ทบอร์ด” เพราะมีน้ำหนักเบา มีความแข็งแรง และยังไม่เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเดิมมากจนเกินไปอีกด้วย
ผนังก่ออิฐมวลเบาจะเป็นส่วนที่เลือกใช้ในพื้นที่ที่ติดกับห้องน้ำ เนื่องจากสามารถทนความชื้นได้ดีกว่าผนังเบาสมาร์ทบอร์ดและต้องมีการปูกระเบื้องห้องน้ำทับ อิฐมวลเบายังมีข้อดีในเรื่องของความทนต่อสภาพอากาศ ป้องกันความร้อนได้ดี ดูดซับเสียงได้ดี และมีน้ำหนักเบา
ผนังเบาสมาร์ทบอร์ดจะเป็นส่วนที่เลือกใช้ในพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องน้ำ โดยเลือกใช้ที่ความหนา 8 มม. สำหรับผนังภายใน และความหนา 10 มม. สำหรับผนังภายนอก ยึดติดด้วยโครงเคร่าสำเร็จรูปตัว U และตัว C ผนังเบาสมาร์ทบอร์ดมีน้ำหนักเบา แข็งแรง มีความเหนียวและยืดหยุ่น ไม่มีปัญหาเรื่องปลวก และทนต่อความชื้นทั้งภายในและภายนอกได้ดี
ก่อนที่จะเริ่มงานฉาบผิวผนังของบ้านนั้น จะเป็นขั้นตอนของการเริ่มทำงานกรีดผนังเพื่อเดินท่อระบบไฟฟ้าและประปาของบ้าน ซึ่งท่อของทั้งสองระบบนี้ไม่ควรจะอยู่ในช่องชาร์ป หรือรอยกรีดเดียวกัน เนื่องจากเมื่อบ้านเสร็จสมบูรณ์และใช้งานผ่านระยะเวลาไปนาน อาจจะทำให้เกิดปัญหาเมื่อมีการรั่วซึมของท่อน้ำหรือท่อไฟฟ้าที่ชำรุด เมื่อท่อของทั้งสองระบบอยู่ใกล้กันจะเกิดปัญหาไฟช็อตได้
งานระบบสุขาภิบาลบางส่วนนั้นสามารถเริ่มก่อนงานก่อสร้างประเภทสถาปัตยกรรมได้เลย เช่น งานวางระบบระบายน้ำ ระบบบำบัดน้ำ ที่อยู่ภายใต้โครงสร้างชั้นล่าง หรือจะเป็นการฝังท่อบางส่วนก่อนจะเทพื้นคอนกรีตของห้องน้ำ ทั้งนี้อยู่ที่การวางแผนการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มต้น ในส่วนของงานเดินท่อไฟฟ้าและท่อน้ำบางส่วนนั้น มักจะทำหลังจากการก่อผนัง เนื่องจากจะต้องฉาบผนังทับเพื่อเก็บความเรียบร้อยของท่อสายไฟและท่อน้ำ
พื้นฐานของงานระบบไฟฟ้านั้น ทางทีมงานก่อสร้างจะอาศัยแบบไฟฟ้าเป็นเป็นเกณฑ์ในการคำนวณโหลดไฟฟ้าว่าเป็นเท่าใด ซึ่งจะคำนวณจากปริมาณเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะมีในบ้าน จำนวนดวงไฟแสงสว่าง ปลั๊กไฟ หรือ สิ่งต่างๆ ที่ใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้เจ้าของบ้านจะต้องแจ้งให้กับทั้งทีมงานออกแบบและทีมงานก่อสร้างทราบถึงความต้องการในการใช้งานไฟฟ้าเบื้องต้น
ในการเดินระบบท่อไฟฟ้าของบ้านหลังนี้ ทางทีมงานก่อสร้างเลือกที่จะใช้ท่อ PVC สีเหลือง เป็นท่อร้อยสายไฟ เพราะมีราคาถูก ช่วยให้ประหยัดงบประมาณของเจ้าของบ้านและเนื่องจากท่อจะต้องฝังในผนังอยู่แล้ว จึงไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ท่อโลหะที่มีราคาสูง
ในงานระบบประปาและสุขาภิบาลนั้น จะต้องคำนึงถึงแนวทางการเดินระบบตั้งแต่น้ำดีที่เข้ามาสู่ตัวบ้าน ไปจนถึงการบำบัดน้ำเสียผ่านถังบัดบำน้ำ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ถังแซ็ท” ไปจนถึงการระบายออกสู่สาธารณะ ประเภทของน้ำในงานระบบประปาและสุขาภิบาลแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
หลังจากที่งานเดินท่องานระบบเสร็จสิ้นแล้ว จะเป็นขั้นตอนของงานฉาบผนังก่ออิฐมวลเบาและผนังเบาสมาร์ทบอร์ด ซึ่งผนังทั้งสองประเภทจะใช้ชนิดของปูนฉาบและวิธีฉาบที่แตกต่างกัน
การฉาบผนังอิฐมวลเบานั้นควรฉาบปูนที่ความหนา 5-10 มม. ไม่ต้องฉาบหนาเหมือนผนังอิฐมอญ เพราะหากเป็นอิฐมวลเบาที่มีคุณภาพมาตรฐาน ก้อนอิฐจะมีผิวเรียบได้ขนาด สามารถก่อได้ดิ่งได้แนวง่าย ไม่เปลืองปูนฉาบ
การฉาบผนังเบาสมาร์ทบอร์ดจะเริ่มจากการฉาบเก็บรอยต่อระหว่างแผ่น ซึ่งต้องใช้ปูนประเภทปูนฉาบเก็บรอยต่อของซีเมนต์บอร์ด และปิดท้ายด้วยการฉาบบางหรือ (Skim Coat) ที่ความหนา 0.30 -3.0 มม. จะทำให้ผนังเรียบเนียนพร้อมที่จะทาสีรองพื้นต่อไป
งานก่อสร้างบันไดของบ้านหลังนี้ทางทีมงานก่อสร้างเลือกที่จะดำเนินการหลังจากการฉาบผิวผนัง เนื่องจากจะเป็นการป้องกันการชำรุดของบันไดที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินขั้นตอนการก่อสร้างอื่นอยู่ โครงสร้างบันไดของบ้านเป็นโครงสร้างเหล็กที่เน้นสีดำและสีขาวเป็นหลัก ใช้แม่บันไดเหล็ก I-beam ขนาด 200 x 100 x 7 x 10 มม. เชื่อมกับลูกบันไดเหล็กพับหนา 6 มม. ในส่วนของราวบันไดละราวกันตกนั้น เลือกใช้เหล็กกลมเป็นระแนงแนวตั้งกับราวจับเหล็กฉาก
งานประเภท Finishing จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเก็บงานสถาปัตยกรรมก่อนจะติดตั้งอุปกรณ์ เพราะงานก่อสร้างประเภทนี้ต้องการฝีมือช่างที่มีความละเอียดสูง ไม่ควรจะดำเนินการหลังจากที่การก่อสร้างประเภทโครงสร้างเสร็จสิ้นหมดแล้ว
งานกระเบื้องห้องน้ำมีทั้งในส่วนของพื้นและผนัง กระเบื้องพื้นห้องน้ำนั้นต้องมีระดับความลาดเอียงของพื้นที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำสามารถระบายลงท่อระบายน้ำได้ ในส่วนของผนังที่ต้องได้ระยะดิ่งที่ตรง ไม่คดเอียงและจะต้องยาแนวตามร่องกระเบื้องทุกแผ่นไม่ว่าจะเป็นส่วนของพื้นและผนังด้วยปูนยาแนวที่ได้คุณภาพ
งานฝ้าจะเริ่มหลังจากที่งานผิวผนังเสร็จสิ้นแล้ว การขึ้นโครงฝ้าจะใช้ซีลายขึ้นเป็นตารางโดยเว้นระยะห่างช่องละ 40 ซม. และใช้ยิปซั่มบอร์ดความหนา 9 มมเป็นวัสดุฝ้า ในส่วนของห้องน้ำจะมีการใช้ยิปซั่มต่างชนิดจากพื้นที่ภายใน ซึ่งจะเป็นยิปซั่มบอร์ดชนิดกันชื้น ส่วนของฝ้าภายนอกของบ้านที่ต้องโดนแดดและฝนอยู่ตลอดเวลานั้น ทางทีมงานก่อสร้างเลือกใช้สมาร์ทบอร์ดความหนา 6 มม. เพราะมีความสามารถในการทนทานต่อสภาพอากาศและแข็งแรงมากกว่ายิปซั่มบอร์ด
ขั้นตอนการทำสีฝ้านั้นจะเริ่มจากการฉาบบาง (Skim Coat) ที่ความหนา 0.30 -3.0 มม. และลงสีรองพื้น จากนั้นค่อยลงสีจริงประมาณ 2-3 รอบ สีจึงจะติดทน และอยู่ได้นาน
งานสีคืองานที่ต้องอาศัยความละเอียดและการทาสีที่เสมอกันของช่างสี ทั้งนี้การเลือกชนิดสีที่ใช้ก็มีความแตกต่างกันในแต่ละชนิดของพื้นผิวและพื้นที่ที่ต้องทาสี
การเริ่มงานสีนั้นเริ่มจากการทาสีรองพื้น ซึ่งบ้านหลังนี้มีการใช้สีรองพื้น 2 ประเภท คือ สีรองพื้นปูนเก่าสำหรับผนังสมาร์ทบอร์ดและสีรองพื้นปูนใหม่สำหรับผนังอิฐมวลเบา การทาสีรองพื้นจะทาเพียงแค่ 1 รอบเท่านั้น เมื่อสีรองพื้นแห้งดีแล้ว จะเป็นการทาสีจริงของผนัง
สีจริงนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทคือสีทาภายนอกและสีทาภายใน สีจริงจะทามากถึง 2-3 รอบสำหรับสีอ่อน แต่ถ้าเป็นสีที่สดและเข้มมากๆ อาจจะต้องทาถึง 4-5 รอบเพื่อให้สีติดทนและสวยงาม
กระเบื้องพื้นของบ้านหลังนี้เลือกใช้เป็นกระเบื้องยางลายไม้ชนิดทากาว ให้สัมผัสที่คล้ายไม้และให้ความรู้สึกอบอุ่น มีความนุ่มและยืดหยุ่น ง่ายต่อการซ่อมแซมชิ้นส่วนกระเบื้องที่อาจชำรุดในอนาคต ใช้เวลาปูรวดเร็วและปิดขอบวัสดุด้วยบัวพื้นลายไม้
หลังจากงานประเภท Finishing เสร็จสิ้นแล้วจะมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ 2-3 รอบ เนื่องจากระหว่างงานก่อสร้างทุกขั้นตอนนั้นทำให้เกิดฝุ่นและขยะเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วจะเป็นการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ของบ้าน
อุปกรณ์ของงานระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งในขั้นตอนนี้ได้แก่ อุปกรณ์ดวงไฟแสงสว่าง หน้ากากสวิตซ์และปลั๊กไฟ เครื่องปรับอากาศและเครื่องดูดควัน หลังจากที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางทีมงานก่อสร้างจะทำการตรวจสภาพการใช้งานของงานระบบไฟฟ้าทุกจุดอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยของเจ้าของบ้านเมื่อเข้าใช้งานและอยู่อาศัย
อุปกรณ์ในงานประเภทนี้ไม่ว่าจะเป็น โถส้วม อ่างล้างมือ สายชำระ ฝักบัว หรือก๊อกน้ำ จะทำการติดตั้งหลังจากปูกระเบื้องเสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ในขั้นตอนการติดตั้งจะต้องดูบริเวณรอยต่อให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการรั่วซึมของอุปกณ์หลังจากที่ผ่านการใช้งานไปเป็นระยะเวลานาน
ในงานติดตั้งบานกระจก บานหน้าต่างและประตูบานเลื่อนอลูมิเนียมนั้นสามารถดำเนินการก่อนหรือหลังจากทำสีก็ได้ ขึ้นอยู่กับแผนงานการก่อสร้างที่ทีมงานก่อสร้างวางไว้ ทั้งนี้สำหรับบ้านหลังนี้นั้นทางทีมงานก่อสร้างเลือกที่จะทำเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจทำให้บานอลูมิเนียมที่ติดตั้งได้รับความเสียหายได้
การเลือกบานอลูมิเนียมนั้นทีมงานออกแบบจะต้องให้ข้อมูลต่างๆ แก่เจ้าของบ้านไม่ว่าจะเป็น สีและความหนาของกระจกและกรอบอลูมิเนียม ชนิดการเปิดของบาน ไปจนถึงการใช้ดีเทลต่างๆ ของการติดตั้ง ทั้งนี้จะต้องสัมพันธ์กับงบประมาณของเจ้าของบ้านที่มีด้วย
สำหรับบานประตูภายในของบ้านหลังนี้มีทั้งชนิดประตูบานเปิดเดี่ยวและประตูบานเลื่อน โดยเน้นการใช้ประตูวัสดุบาน UPVC เพราะมีน้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทานต่อปลวกและมีราคาประหยัด
งาน Built-in ของบ้านหลังนี้มีเพียงแค่ Island บริเวณห้องครัว ที่ขึ้นโครงด้วยเหล็กกล่องปิดผิวด้วยแผ่นวีเนียร์ไม้ และวางท็อปด้วยแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับการทำขนม และชั้นวางของสำหรับหิ้งพระหน้าห้องนอนที่เน้นการใช้แผ่นวีเนียร์ลายไม้สีอ่อน ทั้งนี้งาน Built-in เป็นงานที่สามารถออกแบบและก่อสร้างได้ตามต้องการของเจ้าของ เนื่องจากบางครั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวตามตลาดอาจไม่มีขนาดตามที่ต้องการ การใช้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับพื้นที่ที่จำกัดหรือความต้องการที่เฉพาะ
หลังจากที่การก่อสร้างทุกขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทางทีมงานก่อสร้างจะดำเนินการทำความสะอาดอีก 2-3 ครั้ง และให้เจ้าของบ้านตรวจสภาพความเรียบร้อยต่างๆ ของงานก่อสร้างก่อนส่งมอบงาน ไม่ว่าจะเป็นงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานระบบไฟฟ้า งานระบบประปาสุขาภิบาล และงาน Built-in เพื่อผลประโยชน์แก่เจ้าของบ้านเอง และในขั้นตอนนี้ทางทีมงานก่อสร้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขจุดต่างๆ ที่อาจเกิดปัญหา ชำรุดหรือเสียหายทั้งหมดก่อนจะส่งมอบงานได้
ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับขั้นตอนการรีโนเวทบ้านเก่าชั้นเดียวอายุกว่า 30 ปี โดย Too Architects หวังว่าข้อมูลต่างๆ ในแต่ละขั้นตอนของบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านไม่มากก็น้อย และทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้นำข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่ได้จากบทความนี้ไปใช้กับอาคารเก่าที่รอวันได้รับการแปลงโฉมของท่านอยู่ งานรีโนเวทนั้นไม่ยากอย่างที่คิด หากทำอย่างถูกวิธีและถูกขั้นตอน แต่ขอให้ทุกท่านตระหนักไว้เสมอว่าการรีโนเวทอาคารเก่านั้นไม่ใช่การสร้างใหม่ แต่เป็นการเปลี่ยนโฉมของเก่าที่มีข้อจำกัดให้สวยงามและตอบโจทย์ที่สุดเท่าที่ขอบเขตของตัวอาคารเองจะเป็นไปได้
หากต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการรีโนเวทและการออกแบบอาคารเก่าสามารถ คลิ๊กที่นี่
หรือส่งรายละเอียดมาที่ E-mail : admin@too-architects.com หรือ โทร 061-268-2281
ทาง Too Architects ยินดีให้คำปรึกษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ