1. การนำธรรมชาติเข้ามาในบ้าน (Biophilic Design)
เทรนด์นี้เน้นการเชื่อมโยงผู้อยู่อาศัยกับธรรมชาติโดยการใช้
- วัสดุธรรมชาติเช่น ไม้ หิน และพืชสีเขียว
- การเพิ่มแสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างขนาดใหญ่
- การจัดสวนในร่มหรือ "สวนแนวตั้ง" บนผนัง
2. สีสันที่สดใสและกล้าแสดงออก (Bold Colors)
ลาก่อนโทนสีนิวทรัลปีนี้เราจะเห็น
- สีสดใสเช่น สีเหลืองสด สีเขียวมรกต หรือสีม่วงเข้ม
- การใช้สีตัดกันอย่างกล้าหาญ
- ลวดลายกราฟิกบนผนังหรือเฟอร์นิเจอร์
3. ความยั่งยืนและการรีไซเคิล (Sustainable Design)
ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นส่งผลให้
- เฟอร์นิเจอร์รีไซเคิลหรือรียูสกลายเป็นที่นิยม
- วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมถูกนำมาใช้มากขึ้น
- การออกแบบที่ประหยัดพลังงานได้รับความสนใจ
4. พื้นที่อเนกประสงค์ (Multifunctional Spaces)
การทำงานที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติทำให้
- ห้องนั่งเล่นถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ทำงานได้ด้วย
- เฟอร์นิเจอร์แบบปรับเปลี่ยนได้เป็นที่ต้องการ
- การแบ่งพื้นที่แบบเปิดโล่งด้วยฉากกั้นหรือชั้นวางของ
5. สไตล์ย้อนยุคผสมความทันสมัย (Modern Retro)
การผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและร่วมสมัย
- เฟอร์นิเจอร์วินเทจถูกนำมาตกแต่งใหม่
- การใช้ลวดลายและสีสันแบบยุค 70
- การผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างกลมกลืน
6. เทคโนโลยีอัจฉริยะในบ้าน (Smart Home Integration)
บ้านอัจฉริยะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
- ระบบควบคุมแสงสว่างและอุณหภูมิอัตโนมัติ
- เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
- ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ
7. วัสดุและพื้นผิวที่น่าสนใจ (Interesting Textures)
สัมผัสที่แตกต่างสร้างมิติให้กับห้อง
- ผนังปูนเปลือยหรือหินธรรมชาติ
- ผ้าม่านและเบาะนั่งที่มีพื้นผิวหลากหลาย
- การใช้กระจกและโลหะเงาวาว